เคล็ดลับและแรงบันดาลใจ
จากผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและเส้นผมของยูนิลีเวอร์
ในกิจวัตรการดูแลผิว ขั้นตอนแรกคือการล้างหน้า ไม่ว่าจะใช้ ไมเซลลาร์ วอเตอร์ คลีนซิง วอเตอร์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรน้ำ หรือคลีนเซอร์ แบบอื่นๆ อย่าง สูตรน้ำนม บาล์ม หรือสูตรน้ำมัน อย่างคลีนซิง ออยล์ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญ เพราะหน้าที่สะอาด จะพร้อมรับการบำรุงผิวซึ่งเป็นขั้นตอนถัดไป เรามาดูกันว่า คลีนเซอร์เหล่านี้ ที่ช่วยให้ผิวสะอาดใสอย่างไรบ้าง และสูตรไหนเหมาะกับใคร คลีนเซอร์แบบต่างๆ ข้อดีในแต่ละแบบ
ในขั้นตอนทำความสะอาดผิวหน้า มี 2 ตัว กับคลีนเซอร์ ที่ใช้เพื่อให้ผิวหน้าสะอาดใสหมดจด ป้องกันปัญหาผิวต่างๆ
คลีนซิง (Cleansing) คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว ขณะที่ผิวยังแห้งอยู่ ก่อนขั้นตอนล้างหน้า โดยเฉพาะคนที่แต่งหน้า มักใช้คลีนซิงเช็ดล้างเครื่องสำอางออก เพื่อให้ใบหน้าสะอาดหมดจด ไม่มีสารตกค้าง คลีนซิงมีหลายแบบ รวมทั้ง คลีนซิง วอเตอร์ หรือคลีนซิงสูตรน้ำ และไมเซลลา วอเตอร์
คลีนเซอร์ (Cleanser) คือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่ต้องใช้คู่กับน้ำ โดยต้องผสมผลิตภัณฑ์กับน้ำเพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกตกค้างออกไปจากผิวหน้า คลีนเซอร์มีหลายประเภท รวมทั้งโฟม เจล
Editor’s Tip: การล้างหน้าให้สะอาดหมดจด ล้ำลึก การใช้คลีนซิงวอเตอร์ และไมเซลลา วอเตอร์ อาจต้องเพิ่มขั้นตอนเช็ดเครื่องสำอางด้วยเมคอัพ รีมูฟเวอร์ ออกก่อน ตามด้วยคลีนซิง และจบด้วยคลีนเซอร์ล้างหน้า ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนบำรุงผิว
1.คลีนซิ่งวอเตอร์ (Cleansing Water)
ลักษณะ: เป็นน้ำใสๆ เหมาะสำหรับใช้เช็ดผิวเพื่อช่วยทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก ในขั้นตอนที่ 2 หรือ 3 สำหรับคนที่ต้องการ ทำความสะอาดแบบล้ำลึก หลังจากการใช้คลีนซิ่งตัวอื่นๆ เช็ดคราบสกปรกและเครื่องสำอางออกแล้ว
ข้อดี: สัมผัสเย็นๆเหมือนน้ำ เป็นมิตรกับทุกสภาพผิว ช่วยปรับสภาพผิว ไปในตัว
ข้อด้อย: ไม่สามารถทำความสะอาดผิวที่ลงเมคอัพ หรือมีสิ่งสกปรกตกค้างได้มากนัก
2.ไมเซลลา วอเตอร์ (Micellar Water)
ลักษณะ: เป็นน้ำใส ชื่อไมเซลลาร์ วอเตอร์ มาจาก การรวมตัวของโมเลกุล Surfactant ที่มีองค์ประกอบอย่าง Fatty Acid Ester ช่วยลดแรงตึงผิว หลายๆหน่วยรวมตัวกันกลายเป็นโมเลกุลไมเซลล์ (Micelle) ที่กระจายในน้ำหรือมีส่วนประกอบเป็นโมเลกุลน้ำ จึงถูกเรียกว่า ไมเซล่า วอเตอร์ (Micellar Water) มีค่า pH5 ใกล้เคียงกับผิว และยังผสมกับสารบำรุงผิวอื่นๆ ที่ช่วยดูดน้ำเข้าผิว และสารช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิว
ข้อดี: ไม่เหนียวเหนอะหนะ อ่อนโยน แห้งเร็ว สามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างสะอาดล้ำลึก ไมเซลลา วอเตอร์บางยี่ห้อยังผสมสารบำรุงผิวอื่นๆ ที่ช่วยบำรุงผิวไปด้วย
ข้อด้อย: อาจต้องใช้ซ้ำหลายครั้งเพื่อล้างคราบเมคอัพหนา เครื่องสำอางกันน้ำ หรือล้างครีมกันแดดหรือเมคอัพที่มีส่วนผสมเป็นน้ำมัน
ผลิตภัณฑ์
Editor’s Pick: สำหรับคนแต่งหน้าจัด เลเยอร์หนาๆ หลังเช็ดคราบเมคอัพ ล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์เนื้อเจล หรือเจลคลีนเซอร์ อย่าง พอนด์ส ไฮเดรชั่น ไบรท์ อโลเวร่า เจลลี่ คลีนเซอร์ (Pond's Hydration Bright Aloe Vera Jelly Cleanser) เจลลี่ล้างหน้าอ่อนโยนผสานสารสกัดธรรมชาติจากอโลเวร่า และ วิตามินบี3 (ไนอะซินาไมด์) ทั้งช่วยล้างคราบเครื่องสำอางตกค้างและช่วยปลอบประโลมผิว
3.คลีนซิ่งน้ำนม (Milk Cleanser)
ลักษณะ: เป็นเนื้อสีขาวคล้ายน้ำนม ส่วนใหญ่มาในรูปแบบของโลชั่นบางเบา
ข้อดี: เนื้อเบา สัมผัสอ่อนโยน และรู้สึกชุ่มชื่น ไม่ตึงผิว
ข้อด้อย: ต้องใช้ซ้ำหลายรอบ เกลี่ยไม่ทั่ว ล้างคราบเครื่องสำอางไม่หมด บางคนไม่ชอบเนื้อสัมผัสลื่นๆบนผิวหลังใช้
4.คลีนซิ่งบาล์ม (Cleansing Balm)
ลักษณะ: เป็นเนื้อบาล์มแข็ง เมื่อมีการสัมผัสกับผิว เนื้อบาล์มแข็งจะละลายเปลี่ยนเป็นแบบน้ำมันหรือน้ำนม
ข้อดี: เนื้อนุ่ม เกลี่ยลงบนผิวหน้าได้อย่างง่ายดาย ช่วยกำจัดสิ่งสกปรกและคราบเมคอัพที่มีส่วนผสมของน้ำมันได้ดี
ข้อด้อย: คลีนซิ่งบาล์ม บางยี่ห้อรู้สึกหนียวเหนอะหนะ ไม่สบายผิว
5.ครีมล้างหน้า (Cream Cleanser)
ลักษณะ: เป็นเนื้อครีม ใช้นวดบนผิวเพื่อดึงสิ่งสกปรกตกค้างออกจากใบหน้า
ข้อดี: ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว จึงทำให้เหมาะกับผิวแห้งถึงแห้งมากเป็นพิเศษ
ข้อด้อย: สัมผัสที่ค่อนข้างเหนอะและเข้มข้นแบบครีม อาจทำให้รู้สึกหนักๆ บางยี่ห้อทิ้งคราบมันๆลื่นๆไว้ ทำให้บางคนไม่ชอบ
6.เจลล้างหน้า (Gel Cleanser)
ลักษณะ: เป็นเนื้อเจลใส ทั้งแบบมีฟองและไม่มีฟอง
ข้อดี: คือ ช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกบนผิวหน้า ปรับสมดุลความชุ่มชื้น ควบคุมความมันส่วนเกิน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวบอบบาง ผิวหน้ามันและเป็นสิวง่าย
Editor’s Pick: นอกจากเจลล้างหน้าสูตร พอนด์ส ไฮเดรชั่น ไบรท์ อโลเวร่า เจลลี่ คลีนเซอร์ แล้วเจลล้างหน้าที่อ่อนโยน และทำความสะอาด ผิวหน้ามันเป็นสิวง่าย อย่าง พอนด์ส วิตซี ไบรท์ ออเรนจ์ เนคทาร์ เจลลี่ คลีนเซอร์ (Pond's Vit C Bright Orange Nectar Jelly Cleanser) เป็นคลีนซิ่งสูตรเจล ที่มีวิตามินซีจากส้มเนคทาร์ และไม่ผสมแอลกอฮอล์และพาราเบน
6.สบู่ล้างหน้า (Soap Cleanser)
ลักษณะ: มีทั้งเป็นสบู่ก้อนที่ต้องถูให้เกิดฟอง และแบบสบู่เหลว
ข้อดี: มีส่วนประกอบที่เป็นด่างของสบู่ สามารถชะล้างสิ่งสกปรกได้ดีมากๆ
ข้อด้อย: สบู่มีฤทธิเป็นด่าง ทำให้ผิวหน้าตึงแห้งมาก ไม่เหมาะสำหรับคนผิวหน้าแห้ง ผิวแพ้ง่ายและผิวขาดน้ำ และผิวเป็นสิวง่าย
7.คลีนเซอร์แบบสครับ ขัดผิว (Exfoliating Cleanser)
ลักษณะ: เป็นเนื้อครีมหรือเจลผสมเม็ดบีดเล็ก ๆ
ข้อดี: นอกจากจะดึงสิ่งสกปรกออกไป ยังเป็นการขัดผิว ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว ลดการอุดตันในรูขุมขน
ข้อด้อย: สัมผัสหยาบเหมือนเม็ดทราย แม้จะเป็นเม็ดบีดที่ละเอียดมากๆ ไม่เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย และการใช้บ่อยๆ อาจทำผิวระคายเคืองง่ายขึ้น
8. ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าแบบผงแป้ง (Face Wash Powder)
ลักษณะ: เป็นผงแป้ง ผสมกับน้ำเปล่า เป็นเนื้อครีมลูบไล้บนใบหน้า
ข้อดี: ช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกได้ดี รักษาความชุ่มชื้นได้ดี เหมาะกับทุกสภาพผิว
ข้อด้อย: ล้างหน้าไม่หมดจด เพื่อการผสมแป้งกับน้ำ เกลี่ยลงบนผิวไม่ทั่วถึง
9.โฟมล้างหน้า (Foam Cleanser)
ลักษณะ: เป็นเนื้อครีมผสมน้ำตีฟองเป็นโฟมนุ่ม มีทั้งแบบโฟมทั่วไปและแบบวิปโฟม ที่เนื้อโฟมนุ่มเนียนเป็นก้อนขาวราวปุยเมฆ
ข้อดี: สัมผัสผิวนุ่ม และดึงสิ่งสกปรกจากรูขุมขนได้ล้ำลึก ใช้ง่าย
ข้อด้อย: ขึ้นอยู่กับสารที่ทำให้เกิดฟองและส่วนผสมในโฟมที่อาจมีแอลกอฮอล์ อาจทำให้ผิวรู้สึกระคายเคืองได้สำหรับบางคน
ผิวมัน รูขุมขนกว้าง
เหมาะกับคลีนเซอร์สูตรน้ำ อย่าง คลีนซิ่งวอเตอร์หรือ ไมเซลลาร์ วอเตอร์ หรือเลือกคลีนเซอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ทำความสะอาดผิวได้และกระชับรูขุมขน
ผิวแห้ง
คลีนซิ่งน้ำนม, คลีนซิ่งเนื้อครีม, คลีนซิ่งเนื้อบาล์ม หรือที่มีส่วนผสมของออยล์บริสุทธิ์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ให้กับผิว
ผิวแพ้ง่าย
เลือกคลีนซิ่งที่ไม่มีส่วนผสมของสี น้ำหอม พาราเบน และแอลกอฮอลล์ เพื่อป้องกันให้ผิวเกิดการระคายเคือง สาวผิวแพ้ง่าย สามารถใช้คลีนซิ่งเจล คลีนซิ่งออยล์ คลีนซิ่งน้ำนม หรือ คลีนซิ่งเนื้อบาล์ม
ผิวผสม
เน้นทำความสะอาดคุมมันบริเวณ ทีโซน (หน้าผาก จมูก คาง)และต้องไม่ระคายเคืองผิวแก้มที่อาจแห้ง เหมาะกับคลีนซิ่งน้ำนม คลีนซิ่งบาล์ม ที่ช่วยลดน้ำมันส่วนเกินบนผิว
1. ล้างมือให้สะอาด ก่อนเริ่มขั้นตอนใช้คลีนเซอร์ล้างหน้า เพื่อลดแบคทีเรียและสิ่งสกปรก
2. เตรียมหน้าให้พร้อม ชโลมน้ำอุ่นเพียงเล็กน้อยบนผิวหน้า เพื่อเปิดรูขุมขนและช่วยให้สิ่งสกปรกตกค้างหลุดได้ง่ายขึ้น
3.ใช้คลีนเซอร์ ที่เหมาะกับสภาพและปัญหาผิว โดยใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อย
4. เกลี่ยหรือนวดคลีนเซอร์ให้ทั่ว รวมถึงแนวกราม ลำคอและไรผม ยกเว้นดวงตา และริมฝีปาก ใช้เวลา 1-2 นาที เพื่อดึงสิ่งสกปรกออกมาจากจากทุกจุด
5.ใช้น้ำสะอาดล้างคลีนเซอร์ออกจากใบหน้า โดยใช้น้ำราดเบาๆ ลดการใช้มือเสียดสีกับผิวหน้าซ้ำๆ ป้องกันผิวระคายเคือง
6. ล้างหน้า 2 ขั้นตอน หรือ ดับเบิ้ลคลีน สำหรับคนที่แต่งหน้าจัดๆ หลังใช้คลีนซิงวอเตอร์ หรือไมเซลลาร์ วอเตอร์ ล้างเครื่องสำอาง ควรใช้คลีนเซอร์ที่เป็นสูตรอ่อนโยน แบบน้ำนม เจล หรือวิปโฟม (ขึ้นอยู่กับสภาพผิว) ล้างหน้าซ้ำอีกครั้ง
7. ซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าสะอาดนุ่มๆ เบาๆ ไม่เช็ดถูรุนแรง เพราะอาจทำให้หน้าระคายเคืองง่ายขึ้นอีก
อ้างอิงข้อมูลจาก เวบไซต์ healthline และ naradaclinic